Burnout แบบไหน? ที่ไม่ใช่แค่เหนื่อย แต่อาจกลายเป็นเรื้อรัง

Burnout แบบไหน? ที่ไม่ใช่แค่เหนื่อย แต่อาจกลายเป็นเรื้อรัง

"แค่ 'เหนื่อย' หรือคุณกำลัง 'หมดไฟ' สู่ภาวะ Burnout เรื้อรัง?"

 

หลายคนคงเคยรู้สึก 'เหนื่อย' จากการทำงานหรือชีวิตประจำวัน แต่ความเหนื่อยนั้นต่างจากภาวะ Burnout อย่างสิ้นเชิง เพราะ Burnout ไม่ใช่แค่ความอ่อนเพลียทางกาย แต่คือภาวะที่ร่างกายและจิตใจถูกบั่นทอนจนทำให้เรารู้สึก 'หมดไฟ' และหากปล่อยไว้นานๆ ก็อาจกลายเป็นเรื้อรังได้

Burnout คืออะไร? (ไม่เหมือนความเหนื่อยทั่วไป) องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า Burnout คือ กลุ่มอาการที่เกิดจากความเครียดเรื้อรังในที่ทำงาน ซึ่งร่างกายไม่สามารถรับมือได้ไหว จนนำไปสู่ 3 ข้อหลักๆคือ:

1. ความอ่อนเพลียทางอารมณ์และจิตใจ (Emotional Exhaustion): รู้สึกหมดพลัง หมดกำลังใจ เบื่อหน่าย ไม่อยากตื่นไปทำงาน แม้จะพักผ่อนก็ยังไม่หาย

2. การแยกตัว/การไม่แยแส (Depersonalization/Cynicism): รู้สึกห่างเหินกับงานที่ทำ มองโลกในแง่ร้าย ไม่สนใจเพื่อนร่วมงานหรือลูกค้า

3. ประสิทธิภาพลดลง (Reduced Personal Accomplishment): รู้สึกไร้ความสามารถ ทำงานไม่ได้ตามเป้าหมาย ขาดความมั่นใจในตนเอง

 

ทำไม Burnout ถึงกลายเป็นภาวะ 'เรื้อรัง' ได้ ? ภาวะ Burnout มักกลายเป็นภาวะเรื้อรังเมื่อเราเพิกเฉยต่อสัญญาณเตือนในช่วงแรกๆ และยังคงจมอยู่กับสถานการณ์ที่สร้างความเครียดอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีการพักฟื้นหรือกลไกการรับมือที่เหมาะสม รวมถึงความกดดันจากภายนอกและภายในที่ทำให้รู้สึกขาดการควบคุม จนร่างกายและจิตใจเข้าสู่โหมด 'แบตหมดเกลี้ยง' อย่างถาวร

 

สัญญาณเตือน Burnout ที่ส่งผลต่อทั้งกายและใจ:

● ทางร่างกาย: อ่อนเพลียเรื้อรัง นอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท ปวดหัวบ่อย ปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง ระบบย่อยอาหารมีปัญหา ภูมิคุ้มกันต่ำลง (เจ็บป่วยง่ายขึ้น)

● ทางอารมณ์/จิตใจ: หงุดหงิดง่าย วิตกกังวล ซึมเศร้า ขาดสมาธิ รู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง ไม่มีแรงบันดาลใจ

 

Heal U แนะนำ: หากคุณหรือคนรอบข้างกำลังเผชิญกับสัญญาณเหล่านี้ อย่าปล่อยทิ้งไว้ การยอมรับและการแก้ไขเป็นสิ่งสำคัญ

● เริ่มต้นจากการพักผ่อน: จัดเวลาพักผ่อนอย่างเพียงพอ ทั้งกายและใจ อาจเป็นการนอนหลับให้พอ หรือการทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายความเครียด การลาสักสองสามวันโดยที่ไม่อ่านไลน์ที่ทำงานก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ดี

● ปรับสมดุลชีวิต: ทบทวนภาระงานและชีวิตส่วนตัว ตั้งขอบเขตให้ชัดเจน "งานคืองาน เวลาส่วนตัวคือเวลาส่วนตัว"

● ดูแลสุขภาพกาย: ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ เพราะร่างกายที่แข็งแรงจะช่วยรับมือกับความเครียดได้ดีขึ้น

● ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากอาการรุนแรงหรือรบกวนชีวิตประจำวันมากจนเริ่มทนไม่ไหว ควรปรึกษาแพทย์ นักจิตวิทยา หรือนักกายภาพบำบัด เพื่อรับคำแนะนำและแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม อย่ารอให้สายเกินไป

อย่าปล่อยให้ความเหนื่อยกลายเป็นภาวะ 'หมดไฟ' ที่ทำร้ายคุณในระยะยาว ดูแลตัวเองให้ดีก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปด้วยนะครับ

 

#healuwellnessclinic #healu #solveyourpaingainbetterlife #healucontents #healufactchecks

Back Next