Grounding คืออะไร มันสำคัญยังไง

Grounding คืออะไร มันสำคัญยังไง

เคยสงสัยมั้ยว่าทำไม เวลาที่เราออกไปสัมผัสกับธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการไปเดินเขา ไปทะเล หรือ แค่เดินทางไปชนบท เราก็รู้สึกสดชื่นขึ้นแล้ว หรือจริงๆแล้วสถานที่เหล่านั้นก็คือสภาพแวดล้อมที่มนุษย์ควรที่จะได้อยู่?

แต่ด้วยหน้าที่การงานและการใช้ชีวิตแบบใหม่ ทำให้เราถูกตัดขาดจากธรรมชาติมากขึ้น หลายคนเลยเริ่มหันมามองหาการเยียวยาแบบองค์รวม และหนึ่งในนั้นคือ 'Grounding' หรือที่รู้จักกันในชื่อ 'Earthing' ซึ่งกำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ

แนวคิดของการ Grounding สมัยใหม่เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1990s และต้นปี 2000s โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการทำงานของ Clint Ober อดีตผู้บริหารในอุตสาหกรรมเคเบิลทีวี ที่สังเกตเห็นถึงความสำคัญของการเชื่อมต่อทางไฟฟ้า และเริ่มสำรวจว่าการเชื่อมต่อร่างกายมนุษย์เข้ากับโลกจะส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร ความนิยมได้แพร่หลายขึ้นผ่านหนังสือ สารคดี และการบอกเล่าประสบการณ์ส่วนตัวของผู้ที่ได้ลองทำ Earthing และพบว่าสุขภาพดีขึ้น ทำให้คนจำนวนมากที่แสวงหาวิธีดูแลสุขภาพแบบธรรมชาติและไม่ซับซ้อน หันมาให้ความสนใจ

 

Grounding (Earthing) คืออะไร?

Grounding หรือ Earthing คือการที่ผิวหนังของเราสัมผัสโดยตรงกับพื้นผิวโลกที่มีประจุไฟฟ้า เช่น ดิน หญ้า ทราย หรือน้ำตามธรรมชาติ (ทะเล, แม่น้ำ) เพื่อให้ประจุไฟฟ้าอิสระ (free electrons) จากโลกสามารถไหลเข้าสู่ร่างกายเราได้

แนวคิดนี้เชื่อว่า ร่างกายเราเป็นตัวนำไฟฟ้า และโลกก็มีประจุลบที่อุดมสมบูรณ์ เมื่อเราเชื่อมต่อกับโลก ร่างกายของเราจะได้รับอิเล็กตรอนเหล่านี้ ซึ่งเชื่อว่ามีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการลดการอักเสบและปรับสมดุลของร่างกาย

 

ทำไม Grounding (Earthing) ถึงสำคัญ?

ประโยชน์ของ Earthing เริ่มมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์รองรับ โดยตีพิมพ์ในวารสารสุขภาพต่างๆ เช่น Journal of Environmental and Public Health และงานวิจัยจากผู้บุกเบิกอย่าง Clint Ober และทีมวิจัยของเขา ประโยชน์หลักๆ ที่มีการกล่าวถึงและศึกษาได้แก่:

● ลดการอักเสบในร่างกาย: เชื่อว่าอิเล็กตรอนจากโลกเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและลดกระบวนการอักเสบเรื้อรังในระดับเซลล์ ซึ่งเป็นรากฐานของปัญหาสุขภาพหลายชนิด (อ้างอิงจากบทความวิจัยโดย Gaétan Chevalier, Stephen T. Sinatra, et al. ที่ตีพิมพ์ใน Journal of Environmental and Public Health)

● ปรับสมดุลฮอร์โมนความเครียด (Cortisol): งานวิจัยบางชิ้นพบว่าการทำ Earthing อาจช่วยปรับสมดุลวงจรฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนหลักของความเครียด ให้กลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งนำไปสู่การลดความเครียด ความกังวล และช่วยให้จิตใจสงบขึ้น (เช่น งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Journal of Clinical Psychology and Psychotherapy หรือ Integrative Medicine: A Clinician's Journal)

● ช่วยให้นอนหลับดีขึ้น: เมื่อฮอร์โมนความเครียดมีความสมดุลขึ้นและร่างกายได้รับการผ่อนคลายจากการลดการอักเสบ หลายคนจึงรายงานว่าพวกเขานอนหลับได้ลึกและมีคุณภาพมากขึ้น

● ลดอาการปวดเมื่อยและฟื้นตัวเร็วขึ้น: การลดการอักเสบอาจช่วยบรรเทาอาการปวดเรื้อรัง รวมถึงอาการปวดกล้ามเนื้อ และช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากการออกกำลังกายหรือการบาดเจ็บได้ดีขึ้น

● ปรับปรุงการไหลเวียนโลหิต: มีการศึกษาที่บ่งชี้ว่า Earthing อาจช่วยลดความหนืดของเลือดและปรับปรุงการไหลเวียนโลหิต ซึ่งส่งผลดีต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด

 

แล้วเราจะ 'Ground' ตัวเองยังไง?

วิธีที่ง่ายและเป็นธรรมชาติที่สุดคือ:

1. เดินเท้าเปล่า: บนหญ้า ดิน ทราย หรือโคลน อย่างน้อยวันละ 15-30 นาที (หรือนานกว่านั้นถ้าทำได้)

2. นั่งหรือนอนบนพื้นดิน/หญ้า: ให้ผิวหนังสัมผัสกับพื้นโดยตรง

3. ลงน้ำธรรมชาติ: เช่น ว่ายน้ำในทะเลสาบ ทะเล หรือแม่น้ำ

ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้น Earthing ยังนำไปสู่การพัฒนา ผลิตภัณฑ์ Earthing ต่างๆ เช่น แผ่นรองนอน แผ่นรองนั่ง หรือสายรัดตัวนำไฟฟ้า ซึ่งออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อกับระบบสายดินในบ้าน ทำให้เราได้รับประโยชน์แม้จะอยู่ในอาคาร

Grounding (Earthing) เป็นอีกหนึ่งวิธีดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่เชื่อว่าเชื่อมโยงเราเข้ากับธรรมชาติอย่างแท้จริง ลองให้ร่างกายได้สัมผัสกับพลังงานจากโลกดู แล้วคุณอาจจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือ แม้จะมีงานวิจัยเบื้องต้นรองรับ แต่ข้อมูลเกี่ยวกับ Earthing จำนวนมากยังคงอยู่ระหว่างการศึกษาเพิ่มเติม โปรดใช้วิจารณญาณและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหากมีข้อสงสัยหรือมีภาวะสุขภาพเฉพาะเจาะจง

 

#healuwellnessclinic #healu #solveyourpaingainbetterlife #healucontents #healufactchecks

Back Next